ปัจจุบันเทคโนโลยีและเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านถูกพัฒนาให้ฉลาดมากกว่าเดิม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้อยู่อาศัยมากขึ้น ทำให้ เทคโนโลยี Smart Home หรือบ้านอัจฉริยะ กำลังได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เพราะช่วยทำให้คนยุคใหม่จัดการกับระบบต่างๆ ภายในบ้านได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
อุปกรณ์ Home Automation ในปัจจุบันที่ได้รับความนิยม อย่างเช่น ระบบรักษาความปลอดภัย, Smart Door Lock, ระบบความคุมระแสงสว่าง เครื่องปรับอากาศ ม่าน ภายในบ้าน เป็นต้น โดยเจ้าของบ้านสามารถสั่งงานการใช้งานของอุปกรณ์ต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์ (Real time) และติดตามการทำงานของระบบรักษาความปลอดภัยของบ้านได้จากระยะไกลผ่านแอปพลิเคชั่นบนสมาร์โฟนที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้อย่างง่ายดาย
ด้วยความใช้งานง่ายและทำให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้นอย่างมาก ทำให้ Smart Home กลายมาเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งสำหรับการตัดสินใจเลือกซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมของคนยุคปัจจุบัน โดยพวกเขาจะรู้สึกว่าบ้านที่มีอุปกรณ์อัจฉริยะมีความคุ้มค่าในการลงทุนมากกว่าบ้านที่ไม่มี
มีผลสำรวจจากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจธนาคารไทยพาณิชย์ (EIC) ซึ่งได้ทำการสำรวจข้อมูลผู้บริโภคจากกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศ จำนวน 7,701 คน พบว่า “สมาร์ทโฮมจะกลายเป็นปัจจัยที่สำคัญมากขึ้นในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคยุคใหม่”
โดย 77% อยากให้มีระบบเตือนภัยอัจฉริยะภายในบ้าน ขณะที่ 73% ต้องการให้มีระบบช่วยควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าและจัดการพลังงานภายในบ้าน เพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย และลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภค
ซึ่งผลสำรวจนี้ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ เนื่องจากผู้คนยุค 4.0 มีไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป และกำลังมองหานวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย ประหยัดพลังงาน และตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่เร่งรีบนั่นเอง
นอกจากนี้ ระบบ Smart Home ยังสามารถทำให้เจ้าบ้านออกแบบระบบได้อย่างอิสระด้วยระบบ Scene ที่สามารถตั้งค่าให้เครื่องใช้ไฟฟ้าทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาดได้ตามรูปแบบการใช้ชีวิต เช่น สั่งปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมด ม่านปิดเมื่อคุณออกจากบ้าน หรือสั่งให้ไฟลดความสว่างลง ม่านในห้องถูกต้อง ระบบมัลติมีเดียทำงานด้วยการเปิดเพลงเบาๆคลอ เมื่อคุณต้องการการรีแล็กซ์ เป็นต้น
จุดเด่นอีกข้อ คือช่วยให้เจ้าของบ้านที่ประหยัดค่าไฟได้มากกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป โดยมีผลการวิจัยของ Fraunhofer Institute สถาบันวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ประยุกต์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปพบว่า อุปกรณ์อัจฉริยะช่วยประหยัดพลังงานได้มากถึง 30-40 % ในกลุ่มผู้ติดตั้งอุปกรณ์เหล่านี้ภายในบ้าน ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดพลังงานเพิ่มขึ้นอีกเกือบเท่าตัวเมื่ออุปกรณ์เหล่านั้นมีการเชื่อมต่อกับ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) ซึ่งจะช่วยจดจำการใช้งานและประเมินการใช้งานอุปกรณ์ร่วมกับพลังงานให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดนั่นเอง